เสียมเรียบ : เสียมเรียบ หรือ เสียมราฐ เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศกัมพูชา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ อยู่ริมฝั่งทะเลสาบเขมร เสียมราฐ เป็นที่ตั้งของนครวัด และกลุ่มปราสาทหินหลายแห่ง อาทิ หมู่ปราสาทหินจากอาณาจักรขอม ได้แก่ ปราสาทนครวัด, กลุ่มปราสาทนครธม, (ตาพรหม และบายน, บันทายศรี, บากอง, โลเลย, พนมบาเค็ง, พนมกุเลน และ บารายตะวันตก

ขอบคุณภาพจาก : www.panoramio.com
โตนเลสาป : เป็นทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียซึ่งเกิดจากแม่น้ำโขง
ซึ่งมีแม่น้ำโขงไหลผ่านยาว 500กิโลเมตร และเชื่อกันว่าปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดว่ายทวนน้ำจากโตนเลสาปขึ้นสู่ประเทศ
ไทย-ลาวเพื่อไปผสมพันธุ์ที่จีนซึ่งเป็นต้นแม่น้ำโขง กิจกรรมที่สามารถทำได้ก็มี
การล่องเรือชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมง


ปราสาทบันทายสรี
: เป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา มีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์
และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1000 ปี
แต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ ๆ
ปราสาทบันทายศรีหรือเรียกตามสำเนียงเขมรว่า บันเตียไสร หมายถึง ปราสาทสตรีหรือป้อมสตรี อยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ
30 กิโลเมตร
ใกล้กับแม่น้ำเสียมเรียบในบริเวณที่เรียกว่า อิศวรปุระ หรือเมืองของพระอิศวร


ขอบคุณภาพจาก :
เมืองพระนครธม
: นครธม
เป็นเมืองพระนครที่มีปราสาทและพระราชวังต่าง ๆ มากมาย
อีกทั้งยังมีประติมากรรมงดงามแปลกตานับไม่ถ้วน โดยมีจุดสำคัญที่น่าสนใจหลายจุด
เช่น ประตูด้านทิศใต้ของเมือง
ที่มีรูปประติมากรรมลอยตัวของเทวดาและอสูรฉุดนาคเพื่อกวนเกษียรสมุทร, พระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่มีใบหน้าและรอยยิ้มแบบบายนอันน่าพิศวง,
กรอบประตูที่มีประติมากรรมลอยตัวพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ 3 เศียร ที่น่าเกรงขาม, ปราสาทบายน
ที่ถูกสร้างด้วยการนำหินมาวางซ้อนเป็นรูปร่างเป็นปราสาท
โดยมีแต่ใบหน้าคนอยู่ทั่วไปหมด จนเกิดความน่าเกรงขามปนลี้ลับอย่างน่าสนใจ ในเมืองพระนครธมยังมีปราสาทบายนที่น่าสนใจ
สัมผัส “รอยยิ้มบายน” เป็นศูนย์กลางของนครธมซึ่งเป็นสุดยอดปราสาทของเขมรในยุคเสื่อมคือในรัชสมัยของเจ้าชัยวรมันที่
7 ยอดปราสาทขนาดยักษ์ทุกหลังจะแกะเป็นเทวพักต์ 4 หน้า
หันออกไปทอดพระเนตรความสุขความทุกข์ของประชาชน



ขอบคุณภาพจาก :
ปราสาทตาพรหม : สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
เพื่ออุทิศให้แก่พระมารดา ซึ่งมีต้นสะปงขนาดใหญ่แผ่รากเกาะกุมระเบียงคต
ให้ความลึกลับแก่ผู้เข้าชม


ปราสาทนครวัด : มหาปราสาทนครวัด
หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในรอบพันปี ภายในสามารถชมภาพแกะสลักหินทราย
นูนต่ำที่ระเบียงคตทั้ง 4 ด้าน
ซึ่งแกะสลักเป็นเรื่องราวต่างๆ มากมาย เช่น การยกทัพของชาวขอม , ภาพการกวนเกษียรสมุทร , ภาพมหากาพย์รามนณะ
และยังมีภาพแกะสลักของนาอัปสรกว่า 1,260 นาง


เขาพนมบาเค็ง : เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด
สามารถดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงามได้จากที่นี่

ขอบคุณภาพจาก :
เทือกเขาพนมกุเลน : เป็นหนึ่งในยอดเขาที่สำคัญในประเทศกัมพูชา บนเทือกเขาพนมกุเลนยังเป็นต้นแม่น้ำ ลำธารจะไหลผ่าน
แผ่นทับหลังรูปสลัก น้ำในลำธารนี้ชาวกัมพูชาเชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่ศักดิ์สิทธิ
ใช้ในการพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒนสัตยา และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดมสีหมุนี อีกด้วย

โบสถ์ลอยฟ้า : นมัสการพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่เป็นที่เคารพสักการะของชาวเขมรบนโบสถ์ลอยฟ้าที่วัดเขาพนมกุเลนเป็นพระที่แกะสลักจากหินธรรมชาติก้อนใหญ่บนยอดเขาพนมกุเลน

เทวาลัยใต้น้ำ : มีศิวลึงค์นับพันองค์บนเขาพนมกุเลนแห่งนี้จมอยู่ใต้ลำธารน้ำ
ในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย
บูชาศิวลึงค์ว่าเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งมวล
ศิวลึงค์นั้นก็คืออวัยวะเพศชายใช้แทนองค์พระศิวะเทพเจ้าในศาสนาฮินดู
และฐานโยนีที่ล้อมรอบศิวลึงค์ นั่นก็คืออวัยวะเพศหญิงซึ่งหมายถึงพระนางอุมาเทวีชายาของพระศิวะนั่นเอง
ในศาสนาฮินดูเชื่อกันว่าตราบใดที่อวัยวะทั้งสองอย่างนี้ถ้ายังอยู่ด้วยกัน
ตราบนั้นโลกจะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง สำหรับการบูชาศิวลึงค์นั้น
พราหมณ์จะเป็นผู้นำน้ำมาราดบนศิวลึงค์และน้ำที่รดนั้นจะไหลออกไปที่ช่องโยนี
ลงไปสู่ท่อโสมสูตรประชาชนก็จะมารองรับน้ำนี้ไปดื่มกินกันโดยเชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

ขอบคุณภาพจาก :
ตลาดซาจ๊ะ : ตลาดซาจ๊ะ
เป็นตลาดในเมืองเสียมเรียบ ขายสินค้าเกือบทุกประเภท ตั้งแต่เครื่องครัว ของชำ
ของไช้ ไปจนถึงของฝากนานาชนิด เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวได้สินค้าครบทุกอย่าง ราคาไม่แพง
อยู่ที่เราต่อรองกับพ่อค้าแม่ขาย บางร้านพูดไทยได้บ้าง บางร้านภาษาอังกฤษ
เงินรับเงินเรียลและเงินดอล

การแสดงระบำอัปสรา : เป็นการแสดงนาฏศิลป์ที่โดดเด่นของกัมพูชา
ซึ่งถอดแบบการ แต่งกายและท่าร่ายรำมาจากภาพจำหลักรูปนางอัปสรที่ปราสาทนครวัด นางอัปสราตัวเอกองค์แรก คือ เจ้าหญิงบุพผาเทวี พระราชธิดาในเจ้าสีหนุ
เป็นระบำที่กำเนิดขึ้นเพื่อ เข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัดที่กำกับโดย Marchel
Camus ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L"Oiseau du Paradis ก็คือ The Bird of Paradise หลังจากนั้น ระบำอัปสรา
ก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชา ใครได้ เป็นตัวเอกในระบำอัปสรานั้นเชื่อได้ว่า
เป็นตัวนางชั้นยอดแห่งยุคสมัยนครวัด เป็นอุดมคติแห่งชาติกัมพูชา
นางอัปสราในนครวัดก็เป็นอุดมคติแห่งสตรีเขมร ดังนั้นการชุบชีวิตนางอัปสราออกมาเป็น
ระบำระดับชาตินั้นมีความหมายในเชิงชาติพันธุ์นิยม
เพื่อให้เข้าถึงสัญลักษณ์สูงสุดแห่งสตรีแขมร์ ระบำอัปสรามีชื่อเสียง
ขึ้นมาด้วยการอิงบนความยิ่งใหญ่ของนครวัด
และระบำอัปสราก็จำลองภาพสลักที่แน่นิ่งไร้ความ
เคลื่อนไหวในนครวัดให้หลุดออกมามีชีวิต ดอกไม้เหนือเศียรนางอัปสราส่วน
ใหญ่ในปราสาทนครวัดคือ ดอกฉัตร พระอินทร์
เนื่องจากรูปทรงของดอกชนิดนี้พ้องกันกับภาพสลัก เขมรเรียกดอกไม้ชนิดนี้ ว่า
"ดอกเสนียดสก" เสนียด คือสิ่งที่เอามาเสียด และสก คือผม
ชื่อของดอกไม้บ่งบอกว่าเป็นดอกสำหรับเสียดผม เข้าใจว่าสมัยโบราณสตรีชั้นสูง
ของเขมรคงประดับ ศีรษะด้วยดอกไม้หลายชนิด หนึ่งในนั้นคือดอกฉัตรพระอินทร์
ดังหลักฐานภาพสลักนางอัปสรา ที่พบ ในปราสาทหินขอม
ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของช่างสลักจากที่ได้เห็นของจริง


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น